หลายปีที่ผ่ามาการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ส่งผลให้เกิดชีวิตวิถีใหม่หรือ New Normal ที่ผู้คนเดินทางน้อยลง แต่เข้าถึงสื่อออนไลน์มากขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุที่เป็นกลุ่มเสี่ยงของโรคระบาด
แม้สถานการณการณ์ของโรคระบาดจะคลี่คลายลงแล้ว แต่พฤติกรรมการเสพติดสื่อของผู้สูงวัย ก็ไม่ได้ทุเลาลง แต่กลับเพิ่มมากขึ้นโดยสถิติล่าสุดพบว่าผู้สูงวัยใช้สื่อออนไลน์กว่า 3 ชั่วโมงต่อวัน
อีกด้านหนึ่งโครงสร้างประชากรของไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์แล้ว โดยมีผู้ที่อายุเกินกว่า 60 ปี ประมาณ 20% และจะเพิ่มเป็น 30% ในอีกไม่ถึง 10 ปีข้างหน้า
สองปัจจัยข้างต้นทำให้ผู้สูงอายุกลายเป็นประชากรกลุ่มใหญ่ที่สุดที่ตกเป็นเหยื่ออันโอชะของมิจฉาชีพ ที่แฝงตัวมาทางสื่อออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ โดยแต่ละปีมีผู้สูงอายุสูญเสียทรัพย์สินไปประมาณ 3 หมื่นล้านบาท
ด้วยเหตุนี้กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ จึงสนับสนุนโครงการ “สูงวัยหัวใจยังเวิร์ก” อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เพื่อสร้างความเท่าทันสื่อและพัฒนาศักยภาพผู้สูงอายุให้ก้าวทันเทคโนโลยีดิจิตอลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และปรับใช้ในชีวิตประจําวันได้อย่างเหมาะสม เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดี และมีส่วนร่วมกับครอบครัว ชุมชน และสังคม
นำไปสู่การเสริมสร้างคุณภาพชีวิต สร้างรายได้และผลผลิตให้กับตนเองและสังคมได้ โดยมีสโลแกนของโครงการฯ ว่า
“สื่อเปลี่ยน ผู้สูงอายุปรับ ผลิตสื่อได้ ใช้สื่อเป็น เห็นค่าในตนเอง สร้างประโยชน์ให้กับสังคม”
โครงการสูงวัยหัวใจยังเวิร์ก ปี 2 มีหลักสูตรการอบรมทักษะให้ผู้สูงอายุผลิตสื่อของตนเองได้ด้วยโทรศัพท์มือถือ ผ่านหลักสูตรตั้งแต่ สอนการถ่ายทำ ตัดต่อ ทำภาพกราฟิก ด้วยโทรพศัพท์มือถือเพียงเครื่องเดียว ใช้รูปแบบการอบรมออนไลน์ผ่านระบบ Zoom
วันที่ 28 – 30 กันยายน ทางโครงการฯ ได้จัดกิจกรรม “มอบทักษะการผลิตสื่อดิจิทัล 2566” โดยดร.ธนกร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ได้ร่วมบรรยายในหัวข้อ “Yold Digital Literacy: วัยเก๋ารู้เท่าทันสื่อดิจิทัล : รู้ทันสื่อ ข่าวลือ ข่าวลวง ไม่เชื่อ ไม่ส่งต่อ” โดยมีผู้เข้าร่วมอบรมออนไลน์จากทั่วประเทศกว่าร้อยคน
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญและอยู่ในวิชาชีพสื่อมายาวนาน เขาได้ปูพื้นความรู้ให้ผู้สูงวัยเข้าใจหลักของการผลิตสื่อว่า มีอยู่ 3 ส่วน ได้แก่ เทคนิคการผลิตหรือ Production ความรู้เรื่องสื่อในโลกดิจิตอล และหัวใจที่สำคัญซึ่งมีอยู่ในตัวผู้สูงวัยทุกคนอยู่แล้วคือ เรื่องเล่าจากประสบการณ์ตรง
และในฐานะผู้บริหารองค์กรสนับสนุนแหล่งทุนผลิตสื่ออย่างกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เขาต้องการส่งเสริมให้คนวัย 55 ปีขึ้นไป เตรียมความพร้อมเข้าสู่วัยเกษียณ เพราะในอนาคตเมืองไทยจะเปลี่ยนโฉมหน้าไปอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากไทยมีอัตราการเกิดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ 2 ปีซ้อน โดยมีเด็กเกิดใหม่ไม่ถึงปีละ 5 แสนคน ขณะที่สัดส่วนประชากรส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่ว่างงาน จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีทักษะเรื่องการสร้างสื่อ เพื่อต่อยอดเป็นรายได้และดูแลคุณภาพชีวิตในอนาคต
การเท่าทันสื่อเป็นหัวใจของใช้สื่อ เพราะสื่อมีผลกระทบทั้งบวกและลบ โดยเฉพาะกลุ่มมิจฉาชีพที่แฝงตัวเข้ามากับสื่อออนไลน์ แต่ละวันมีผู้สูงวัยที่ตกเป็นเหยื่อกว่าพันราย สะท้อนว่ามิจฉาชีพชุกชุมและมีสื่อร้ายแพร่ระบาดในโลกออนไลน์ จึงจำเป็นที่ผู้อายุต้องมีความเท่าทันสื่อและเท่าทันตนเองด้วย เพราะผู้สูงอายุที่เปลี่ยวเหงามักจะกลายเป็นเหยื่อ จึงจำต้องปกป้องตัวเองให้เป็นและป้องกันคนอื่นให้ได้ แต่ก็ไม่ควรกลัวเกินไป เพราะทุกคนสามารถร่วมเป็นผู้สร้างสื่อที่ดีได้
เขาแนะนำเทคนิคการสร้างความเท่าทันสื่อไว้ 7 ขั้นตอนที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ ตั้งแต่การประเมินผลกระทบของสื่อนั้น ๆ ก่อนจะเทใจเชื่อ ฝึกการวิเคราะห์ความหมายของสื่อที่ได้รับ ทั้งภาพ ข้อความและคอมเมนต์ต่าง ๆ ว่าเนื้อหาที่แท้จริงคืออะไร ฝึกการแยกแยะองค์ประกอบของสื่อ โดยเฉพาะข้อเท็จจริงกับความคิดเห็น วิเคราะห์ผู้สร้างและผู้อยู่เบื้องหลัง ที่เหลือคือการเปิดรับ จัดการ และต่อยอดสื่อนั้นได้อย่างเหมาะสม
สิ่งสำคัญของการเท่าทันสื่อก็คือ การรับรู้ได้ว่าสื่อทุกชนิดมีผู้สร้าง และผู้สร้างก็มีเป้าหมาย ดังนั้นต้องเท่าทันจุดประสงค์ของสื่อว่าเกี่ยวพันกับ ธุรกิจ สังคม การเมือง วัฒนธรรม สื่อมีจุดประสงค์ที่ซ่อนอยู่เสมอ
ดร.ธนกร อธิบายเกณฑ์ชี้วัดไว้ง่าย ๆ ดังนี้
สื่อปลอดภัย-สื่อสร้างสรรค์ มีนิยามอยู่ในมาตารา 3 ของพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ พ.ศ. 2558 ว่า
“สื่อที่มีเนื้อหาส่งเสริมศีลธรรม จริยธรรม วัฒนธรรม และความมั่นคง ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ การเรียนรู้ทักษะการใช้ชีวิตของประชาชนโดยเฉพาะเด็กและเยาวชนและ ส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวและสังคม รวมถึงการส่งเสริมให้ประชาชนมีความสามัคคี และสามารถใช้ชีวิตในสังคมที่มีความหลากหลายได้อย่างเป็นสุข
ดังนั้นสื่อสร้างสรรค์ จึงต้องสร้างความรู้ ความเข้าใจ ความเชื่อและทัศนคติ และพฤติกรรมของผู้คน เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีให้สังคม และสื่อควรทำหน้าที่กระตุ้นเตือนให้เห็นความเปลี่ยนแปลง และผลกระทบทั้งด้านบวกและด้านลบ เพื่อให้สังคมพร้อมรับผลที่ตามมาได้ รวมถึงมองเห็นปัญหาและหาทางออกร่วมกัน
ขณะที่มีการกำหนดลักษณะของ สื่อไม่ปลอดภัย-ไม่สร้างสรรค์ ไว้ดังนี้
1 ขัดต่อศีลธรรม จริยธรรม วัฒนธรรม เช่น เน้นเนื้อหาด้านเพศ ภาษา และความรุนแรงเพียงเพื่อเรียกเรตติ้ง
2 ก่อให้เกิดความแตกแยก ยั่วยุ และสร้างความเกลียดชังทางสังคม
3 ส่งเสริมการละเมิดสิทธิมนุษยชนและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ซ้ำเติม “เหยื่อ” ก่อให้เกิดบาดแผลทางจิตใจ
4 ขัดต่อกฎหมายและละเมิดลิขสิทธิ์ เช่น สื่อที่มุ่งเน้นการขายสินค้า หากำไรทางธุรกิจ สร้างโฆษณาเกินจริง ทำให้ผู้รับสื่อหรือผู้บริโภคได้รับความเสียหาย
5 ขัดต่อหลักจรรยาบรรณสื่อ มีการชี้นำพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม สร้างค่านิยมผิดๆ สั่นคลอนรากฐานทางสังคม หรือสร้างเนื้อหาซ้ำเดิม ขาดความหลากหลาย ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์หรือความรู้ใหม่ๆ
ปัจจุบันสื่อไม่สร้างสรรค์ แบ่งออกเป็น 3 ลักษณะ ได้แก่
Fake News คือ ข่าวปลอมหรือข่าวที่มีเนื้อหาบิดเบือนชวนเข้าใจผิด หรือมีวัตถุประสงค์ไม่ดี มีวิธีการหลอกล่อ ชักจูงให้เกิดการเผยแพร่
Hate Speech คือ ถ้อยคำหรือการแสดงออกที่สื่อถึงความเกลียดชัง ต่อต้าน ดูถูกดูแคลน ข่มขู่ คุกคาม ก่อให้เกิดความเสียหายกับเหยื่อทางสังคม
Bully คือ การใช้กำลังหรือถ้อยคำ ซึ่งเป็นพฤติกรรมก้าวร้าวที่คนหรือกลุ่มคนกระทำต่อผู้ที่อ่อนแอกว่าอย่างต่อเนื่อง ทั้งทำร้ายจิตใจ ใช้แรงกดดันทางสังคม กีดกันลิดรอนสิทธิ หรือปฏิบัติใดๆ ก็ตามทางลบ จนผู้ถูกกระทำรู้สึกแย่ เจ็บปวด หรือเกิดความเครียด
สิ่งที่เขาอยากเห็นในอนาคต พลังของผู้สูงวัยในสังคมดิจิตอล ที่มีความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง จนนำไปความรู้สึกร่วมในการช่วยกันดูแลประเทศ ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์สำคัญของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
Cookie | Duration | Description |
---|---|---|
cookielawinfo-checkbox-analytics | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Analytics". |
cookielawinfo-checkbox-functional | 11 months | The cookie is set by GDPR cookie consent to record the user consent for the cookies in the category "Functional". |
cookielawinfo-checkbox-necessary | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookies is used to store the user consent for the cookies in the category "Necessary". |
cookielawinfo-checkbox-others | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Other. |
cookielawinfo-checkbox-performance | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Performance". |
viewed_cookie_policy | 11 months | The cookie is set by the GDPR Cookie Consent plugin and is used to store whether or not user has consented to the use of cookies. It does not store any personal data. |