

11 กันยายน 2566 รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา “รัฐบาลนี้ยังมีนโยบายสนับสนุนการสร้างพลังสร้างสรรค์ หรือ Soft Power ของประเทศเพื่อยกระดับและพัฒนาความสามารถด้านความรู้ความสามารถ และความคิดสร้างสรรค์ของคนไทยให้สร้างมูลค่าและสร้างรายได้ รวมทั้งการอนุรักษ์ ฟื้นฟูและพัฒนาต่อยอดศิลปะ วัฒนธรรมและส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อนำมาต่อยอดในการสร้างมูลค่าเพิ่ม นอกจากนี้รัฐบาลจะสร้างงานสร้างรายได้ผ่านการส่งเสริม 1 ครอบครัว 1 ทักษะ Soft Power” นับจากนั้น จากนโยบายหาเสียงของพรรคเพื่อไทยก็เริ่มเดินหน้านับ 1 ในฐานะ 1 ในนโยบายรัฐบาลที่ต้องขับเคลื่อน
13 กันยายน นายกรัฐมนตรีก็ลงนามคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 230/2566 แต่งตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ โดยนายกรัฐมนตรีนั่งเป็นประธานกรรมการ แพทองธาร ชินวัตร เป็นรองประธานกรรมการ พันศักดิ์ วิญญรัตน์ เป็นที่ปรึกษาและกรรมการ มีรัฐมนตรีกระทรวงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการอุดมศึกษาฯ กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ เป็นกรรมการ รวมทั้งตัวแทนภาคเอกชน นับรวม 29 คน
3 ตุลาคม นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นั่งเป็นประธานประชุมคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ นัดแรก ประกาศปักหมุดเป้าหมายขับเคลื่อนโครงการ แผนงาน และมาตรการต่าง ๆ ที่มีผลกระทบสูง ผ่านคอนเทนต์ 11 อุตสาหกรรม Soft power โดยภารกิจต่อมาคือ การขับเคลื่อน ซึ่งมอบหมาย แพทองธาร ชินวัตร เป็นประธานขับเคลื่อน ซึ่งประกาศชัดเจนว่า รัฐบาลได้เริ่มนับหนึ่งการขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศแล้ว และได้กำหนดเป้าหมาย Quick Win ระยะสั้นและกลาง คือ ภายใน 100 วัน หรือ 11 ม.ค.67 กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองจะพร้อมให้ประชาชนลงทะเบียนแสดงความสนใจเข้ารับการบ่มเพาะ จะมีการปรับปรุงศูนย์บ่มเพาะทักษะสร้างสรรค์ ในสถาบันการศึกษาต่าง ๆ
ขณะที่กระทรวงวัฒนธรรม ฐานะ 1 ในหน่วยงานขับเคลื่อน นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ประชุมมอบนโยบายการจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567ของกระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) โดยให้ทุกหน่วยงานสังกัด วธ. ทบทวนจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ให้สอดคล้องกับ นโยบายรัฐบาล (Thailand Creative Content Agency -THACCA) ในการพัฒนาต่อยอด 11 อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ และผลักดัน 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์ พร้อมประกาศเป็นกระทรวงสังคมกึ่งเศรษฐกิจ
และในช่วงปีใหม่นี้ได้มอบหมายให้กรมศิลปากรดำเนินการเตรียมสร้างสิ่งก่อสร้างพื้นฐาน เช่น ห้องน้ำ ร้านขายของที่ระลึก การจัดระเบียบของผู้ที่จะเข้ามาค้าขายต่าง ๆ ที่เมืองโบราณศรีเทพ มรดกโลกยูเนสโก โดยต้องคำนึงถึงที่ตั้งที่เหมาะสมและรูปแบบที่ไม่กระทบต่อการเป็นแหล่งที่องค์การเพื่อการศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก โดยคาดการณ์ว่าในช่วงปีใหม่นี้ จะมียอดนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ทางกรมศิลปากรจึงเตรียมพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวในฐานะมรดกโลก รวมถึงได้มอบหมายให้สำนักช่างสิบหมู่ เข้าไปอบรมการจัดทำของที่ระลึกกับชาวบ้าน เพื่อต่อยอดในการนำต้นทุนมรดกทางวัฒนธรรมสร้างเป็นมูลค่า ถือเป็น Soft Power อีกอย่างหนึ่ง ซึ่งจากนี้ไปก็จะมีการขับเคลื่อนงานที่เกี่ยวข้องกับ 11 อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ต่อเนื่องต่อไป เอกสารข่าวของทำเนียบรัฐบาลระบุ
ล่าสุดกระทรวงวัฒนธรรม ได้เตรียมแผนการขับเคลื่อนนโยบาย 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์ (one family one soft power- OFOS) โดยจะดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 หลังจากที่มีการเปิดให้ประชาชนเข้ามาลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันของกองทุนหมู่บ้านแล้ว จะจัดอบรมให้ประชาชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ตั้งเป้าหมายผู้เข้าอบรมที่มีศักยภาพ ไม่น้อยกว่า 20,000 คน ในจังหวัดที่มีศักยภาพ อาทิ ด้านออกแบบ จัดอบรมที่กรุงเทพฯ และจังหวัดเชียงราย ด้านภาพยนตร์ จัดอบรมที่จังหวัดชลบุรี และจังหวัดกาญจนบุรี เป็นต้น
“การดำเนินการจัดอบรมดังกล่าว คาดว่าจะใช้เวลา 4-5 เดือน โดยเมื่อจัดอบรมเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดงานให้ผู้เข้าอบรมทั้ง 11 อุตสาหกรรมสร้างสรรค์และผู้ประกอบการมาพบกัน เพื่อให้เกิดการเจรจาการค้าและการส่งเสริมผลงานในเชิงธุรกิจ รวมทั้งนำผู้เข้าอบรมเข้าสู่ตลาดแรงงานด้วย” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมระบุ
เมื่อครั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ Media Trust Thailand เขาระบุว่า มีความตั้งใจไว้สูงมาก ก่อนรับตำแหน่ง มีการทาบทามว่า กระทรวงวัฒนธรรมจะเป็นอีกกระทรวงหลัก ไม่ใช่มุ่งด้านสังคม แต่จะเป็นกระทรวงที่มุ่งด้านเศรษฐกิจ เมื่อเข้ามาอยู่ ก็ได้มุ่งมั่น ตั้งใจให้เต็มที่ รวมทั้งพี่น้องข้าราชการในสายงานร่วมกันทำ รัฐบาลมีนโยบายแก้ปัญหาความยากจนให้พี่น้องประชาชน 20 ล้านครัวเรือนมีงานทำ และมีรายได้ไม่ต่ำกว่าปีละ 200,000 บาท กระทรวงวัฒนธรรมจึงต้องเป็นกระทรวงเศรษฐกิจ เอาคุณค่าวัฒนธรรมมาแปรเป็นมูลค่า และยังมองอีกว่า กระทรวงวัฒนธรรมต้องเป็นกระทรวงทางสังคมที่มุ่งไปเรื่องความมั่นคงอีกด้วย โดยเอาหลักศาสนา เป็นพลังสร้างความรู้รักสามัคคี โดยในเดือนธันวาคม ได้มีการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากพิพิธภัณฑ์ของอินเดีย มาประดิษฐานในประเทศไทย สิ่งหนึ่งที่ต้องการคือ เอาหลักธรรมมาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวให้รู้รักสามัคคี
เมื่อพิจารณากับระยะเวลาดำรงตำแหน่ง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ต้องนับได้ว่า “เสริมศักดิ์” เป็นรัฐมนตรีสร้างผลงานเด่นอีกคนหนึ่ง
Cookie | Duration | Description |
---|---|---|
cookielawinfo-checkbox-analytics | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Analytics". |
cookielawinfo-checkbox-functional | 11 months | The cookie is set by GDPR cookie consent to record the user consent for the cookies in the category "Functional". |
cookielawinfo-checkbox-necessary | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookies is used to store the user consent for the cookies in the category "Necessary". |
cookielawinfo-checkbox-others | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Other. |
cookielawinfo-checkbox-performance | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Performance". |
viewed_cookie_policy | 11 months | The cookie is set by the GDPR Cookie Consent plugin and is used to store whether or not user has consented to the use of cookies. It does not store any personal data. |