เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) โดย ชมรมเพื่อนโดม และมูลนิธิเพื่อนโดม จัดงาน “วันธรรมศาสตร์สามัคคี 5 พ.ย.” ณ สมาคมธรรมศาสตร์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งหนึ่งในกิจกรรมมีการมอบเข็มเกียรติยศธรรมศาสตร์สามัคคีให้แก่ศิษย์เก่า มธ.ที่ทำคุณประโยชน์ในหน้าที่สำคัญๆ แก่ประเทศชาติและสังคมไทย จำนวน 12 ท่าน โดยมี รศ.เกศินี วิฑูรชาติ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดร.สันติภาพ เตชะวณิช ประธานชมรมเพื่อนโดม และนายชัยวัฒน์ พสกภักดี ประธานมูลนิธิเพื่อนโดม เป็นผู้มอบ
นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ฐานะ ศิษย์เก่า คณะรัฐศาสตร์ สิงห์แดงรุ่นที่ 18 ซึ่งเป็น 1 ใน 12 ศิษย์เก่าที่ได้รับรางวัลเข็มเกียรติยศธรรมศาสตร์สามัคคี ให้สัมภาษณ์พิเศษถึงความสำคัญของวันดังกล่าว พร้อมเปิดเผยถึงการสืบสานจิตวิญญาณธรรมศาสตร์ ในการทำหน้าที่นักการเมือง ซึ่งล่าสุด กับบทบาทฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งเป็นอีกกระทรวงหลักที่ต้องร่วมขับเคลื่อนนโยบาย Soft Power
สิ่งแรกคือ ต้องเป็นคนรักในประชาธิปไตย สองคือ รักประชาชน สองอย่างนี้คู่กัน วันธรรมศาสตร์สามัคคี คือ วันที่ครั้งหนึ่งทหารเข้ายึดมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เราไม่ได้เรียนหนังสือเลย ก็รวมตัวกันเพื่อขอแผ่นดินนี้คืนมาเพื่อการศึกษา นักศึกษาก็ไปยึดคืน ซึ่งตรงกับวันนี้ (5 พฤศจิกายน) เมื่อปี 2494 แล้วก็มานั่งคิดกันว่า คนธรรมศาสตร์ที่ทำงานให้กับส่วนรวม มีผลงานดีเด่น ในแต่ละปีก็จะคัดเลือกกันมาเพื่อมอบรางวัล เพื่อเป็นการกระตุ้นเตือนว่า เราต้องเชิดชูประชาธิปไตย ต้องรักประชาชน เมื่อเรารักประชาชน ก็จะต้องทำงานมุ่งมั่นทุ่มเทให้กับพี่น้องประชาชน
ผมเรียนรัฐศาสตร์ สิ่งหนึ่งที่สอนก็คือ สอนให้เรารักกันจริงๆ รักกันเองและรักประชาชน เราไม่เคยทิ้งกัน ตอนเรียนผมเป็นประธานนักศึกษา จบมาแล้วก็เป็นประธานรุ่น
ก็ภูมิใจสิ่งที่คือมหาวิทยาลัยบ่มเพาะเรามาให้รักประชาธิปไตย รักประชาชน เมื่อรักประชาชน เราก็จะมุ่งมั่นทำงานแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้เขา ปัญหาความยากจน ปัญหาทั้งหลาย ให้ประชาชนกินดีอยู่ดี ให้เขามีความเจริญในทุกด้าน ทัดเทียมประเทศอื่น วันนี้ผมภูมิใจ ผมเป็นชาวธรรมศาสตร์ และเป็นอีกวันที่ประกาศย้ำเตือนว่า ธรรมศาสตร์ต้องรักประชาธิปไตยและต้องรักประชาชน
ผมตั้งใจไว้สูงมาก ก่อนรับตำแหน่ง มีการทาบทามกันก่อนว่า กระทรวงวัฒนธรรมจะเป็นอีกกระทรวงหลัก ไม่ใช่มุ่งมาทำงานด้านสังคม จะเป็นกระทรวงที่มุ่งมาทางด้านเศรษฐกิจ ผมเข้ามาอยู่ตรงนี้ ก็ได้มุ่งมั่น ตั้งใจให้เต็มที่ รวมทั้งพี่น้องข้าราชการในสายงานของเรา ร่วมกันทำ เรามีนโยบายชัดเจน เราจะแก้ปัญหาความยากจนให้พี่น้องประชาชน 20 ล้านครัวเรือนมีงานทำ และมีรายได้ไม่ต่ำกว่าปีละ 200,000 บาท ตรงนี้เป็นงานหลักของรัฐบาล กระทรวงวัฒนธรรมจึงต้องเป็นกระทรวงเศรษฐกิจ เอาคุณค่าวัฒนธรรมมาแปรเป็นมูลค่า และจะต้องพัฒนาต่อไป ทั้งเรื่องท่องเที่ยว การค้า ทั้งหมดเป็นส่วนต่อยอดที่มาจากฐานของกระทรวงวัฒนธรรม ผมยังมองอีกว่า กระทรวงวัฒนธรรมต้องเป็นกระทรวงทางสังคมที่มุ่งไปเรื่องความมั่นคงอีกด้วย โดยเอาหลักศาสนา ให้เป็นพลังสร้างความรู้รักสามัคคี ผมกำลังทำเรื่องนี้ โดยในเดือนธันวาคมนี้ เรามีการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากพิพิธภัณฑ์ของอินเดีย เพื่อมาประดิษฐานในประเทศไทย สิ่งหนึ่งที่ต้องการคือ เอาหลักธรรมมาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวให้เรารู้รักสามัคคี
Cookie | Duration | Description |
---|---|---|
cookielawinfo-checkbox-analytics | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Analytics". |
cookielawinfo-checkbox-functional | 11 months | The cookie is set by GDPR cookie consent to record the user consent for the cookies in the category "Functional". |
cookielawinfo-checkbox-necessary | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookies is used to store the user consent for the cookies in the category "Necessary". |
cookielawinfo-checkbox-others | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Other. |
cookielawinfo-checkbox-performance | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Performance". |
viewed_cookie_policy | 11 months | The cookie is set by the GDPR Cookie Consent plugin and is used to store whether or not user has consented to the use of cookies. It does not store any personal data. |