การคงอยู่ของ “นิทานเด็ก” ท่ามกลางกระแสเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์สื่อใหม่

“ไม่ว่าเทคโนโลยีจะพัฒนาไปมากแค่ไหน แต่หนังสือก็ยังเป็นสื่อที่เหมาะสมกับเด็กปฐมวัยมากที่สุด” 

คุณวรพรต ก่อเจริญวัฒน์ 

 

“แม้เด็กจะมีสื่อมากมาย แต่อย่าลืมว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดของเด็กๆ คือการใช้เวลาร่วมกับคุณพ่อคุณแม่” 

คุณเบญจทรัพย์ เลขวัต 

 

“หนังสือคือเพื่อนของเด็ก และเป็นสื่อที่ปลอดภัยสำหรับเด็กเสมอ”

คุณวันวิสา ธรรมสังวาลย์ 

 

แม้ภูมิทัศน์และนิเวศสื่อในปัจจุบันจะเปลี่ยนไปชนิดที่ตามกันไม่ทัน แต่นิทานก็ยังเป็นสื่อที่มีอิทธิพลต่อเด็กเล็กอย่างมาก ทั้งช่วยเสริมสร้างพัฒนาการตามวัย สร้างสมาธิ ส่งเสริมจินตนาการ และยังช่วยสร้างความอบอุ่นในครอบครัว ในงานมหกรรมหนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 28 เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2566 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ มีงานเสวนา “สร้างเด็กดี ด้วยนิทาน” ซึ่งผู้ร่วมเสวนา ได้แก่ วรพรต ก่อเจริญวัฒน์ (เจ้าของนามปากกา สันติภาพ) – หัวหน้าโครงการสร้างเด็กดี ด้วยนิทาน และ นักเขียนนิทาน “ต้นหม่อนของคุณหมี” ,เบญจทรัพย์ เลขวัต – บรรณาธิการ, นักเขียนนิทาน “การเดินทางของของขวัญ” และ วันวิสา ธรรมสังวาลย์ – นักเขียนและนักเล่านิทาน “กระต่ายเที่ยวทุ่ง”  เนื้อหาจากงานเสวนามีคุณค่าและประโยชน์ที่ควรนำมาเผยแพร่ต่ออย่างยิ่ง

วรพรต เล่าถึงแรงบันดาลใจของตัวเองว่า “โครงการฯ ของเราเกิดจากความฝันของคนที่เป็นนักอ่าน พวกเราชอบอ่านหนังสือวรรณกรรมเยาวชน พวกเราจึงอยากทำหนังสือเด็ก หนังสือนิทานที่สอดแทรกเรื่องคุณธรรม เสริมสร้างพัฒนาการให้เด็ก โจทย์ของเราก็คือ ต้องทำให้หนังสือนิทานอ่านสนุก ดังนั้นหลังจากนักเขียนออกแบบภาพร่างนิทานแล้ว เราจะเอาไปให้กลุ่มตัวอย่างได้ทดลองอ่านก่อน ทั้งเด็ก พ่อแม่ ผู้ปกครอง และผู้เชี่ยวชาญแขนงต่างๆ เช่น บรรณาธิการ นักเล่านิทาน ผู้จัดการห้องสมุด จิตแพทย์เด็ก เพื่อประเมินเสียงตอบรับ และใช้เวลากลั่นกรองก่อนจัดพิมพ์ ซึ่งต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน”

เบญจทรัพย์ กล่าวว่า  “กลุ่มเป้าหมายของเรามีทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด ขยายไปถึงกลุ่มของคุณครูในโรงเรียนเอกชนและรัฐบาล อย่างนิทานเรื่อง “เต่าต้วมเตี้ยม กับ กระต่ายจ๋อมแจ๋ม” เราพยายามคิดชื่อที่ทำให้รู้สึกสนุกสนานและน่าติดตาม

เรื่องนี้หยิบยกมาจากนิทานอีสป “เต่ากับกระต่าย” ที่เด็กๆ รู้จักกันดี แล้วมาดัดแปลงเนื้อเรื่องให้เห็นว่าทุกคนมีคุณค่าและความถนัดในตัวเอง โดยดัดแปลงให้กระต่ายไม่ได้เผลอนอนหลับแต่วิ่งแข่งชนะจริงๆ แต่เต่าก็ชนะในการว่ายน้ำเช่นกัน จึงเป็นการสอนเรื่องเคารพสิทธิผู้อื่น และแต่งเป็นบทกลอนด้วย เพื่อช่วยให้เด็กๆ เข้าถึงภาษาไทยและจดจำได้ง่ายขึ้น”

ก็มีเรื่องน่าดีใจและประทับใจที่นิทานของเราได้เอาไปใช้ในชีวิตจริง เพราะมีลูกเพจของเราที่เป็นผู้ปกครองครอบครัวหนึ่ง บอกว่าได้เอานิทานของเราไปสอนลูกเรื่องการบูลลี่เพื่อนๆ ด้วย

วรพรต กล่าวเสริมว่า  “นิทานเรื่องนี้ได้รับเกียรติจากพี่บอย โกสิยพงศ์ เขียนคำนิยมให้ด้วย จากที่พี่บอยเขียนเล่าในเฟสบุกว่า สมัยเด็กเป็นคนที่เรียนช้า แต่คุณแม่ของเขาไม่ย่อท้อพยายามค้นหาศักยภาพของเขา จนส่งไปเรียนดนตรีและกลายเป็นนักแต่งเพลงที่โด่งดัง ก็คล้ายกับนิทานเรื่องนี้ว่าแต่ละคนก็มีความสามารถที่แตกต่างกัน เราจึงอยากให้ผู้ใหญ่มองเห็นความพิเศษที่อยู่ในตัวเด็กแต่ละคน เพียงแต่รอคอยเวลาที่เหมาะสมที่จะเติบโต เรียนรู้ และค้นพบตัวเอง”

ขณะที่วันวิสา กล่าวว่า  “นิทานอีกเรื่องคือ “ตามแม่ไปเที่ยวป่า” ที่ได้รับรางวัลชมเชยจากการประกวดหนังสือดีเด่นแห่งชาติประจำปี 2564 ซึ่งเขียนเป็นบทกลอนเช่นกันเพื่อให้เด็กๆ จดจำได้ง่าย ตัวเราที่เป็นผู้แต่งก็เติบโตมากับแม่และเห็นสิ่งที่แม่ทำให้ดู ก็เลยใช้ตัวละครเป็นแม่ช้างกับลูกช้าง ที่ดูต้วมเตี้ยม ตุ้ยนุ้ย ใช้ชีวิตในป่าด้วยกันและต้องออกไปหาอาหาร ก็สอดแทรกเรื่องประสาทสัมผัสทั้ง 5 เพื่อสอนเรื่องการระมัดระวังความปลอดภัย และให้พ่อแม่เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก”

วรพรต กล่าวว่า  “ในปีแรกที่ได้รับทุนจากกองทุนสื่อฯ เราผลิตนิทานเรื่องตามแม่ไปเที่ยวป่าแจกจ่ายให้กับเด็กๆ ทั่วประเทศ ผู้ที่ต้องการขอรับหนังสือสามารถแจ้งไปได้ที่เพจ สร้างเด็กดี ด้วยนิทานได้ 

นอกจากนี้ในหนังสือจะมี QR.code ให้แสกนด้วย เมื่อสแกนแล้วหนังสือก็จะเปลี่ยนเป็นแอนิเมชั่นทันที ซึ่งจะเป็นภาพเคลื่อนไหวช้าๆ ให้ผู้ปกครองกับเด็กได้นั่งดูด้วยกันและพูดคุยกันระหว่างดูไปด้วยได้ หรือจะเข้าไปดูใน YouTube ช่องสร้างเด็กดี ด้วยนิทานก็ได้

โครงการ “สร้างเด็กดี ด้วยนิทาน” เดินทางเข้าสู่ปีที่ 3 แล้ว โดยในปี 2566 เป็นโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ประเภทเปิดรับทั่วไปสำหรับเด็กและเยาวชน ติดตามได้จาก https://www.facebook.com/profile.php?id=100075850963726