Media Quality Rating ยกคุณภาพสื่อไทย โลกสวยหรือก้าวที่กล้า ?

ในแง่ธุรกิจการทำสื่อคุณภาพ สร้างสรรค์ ไม่ก่อมลพิษให้กับสังคม มักเป็นเรื่องตรงข้ามกับการสร้างรายได้ ถ้ามีใครพูดว่า เขาตั้งใจทำสื่อเพื่อ “หวังกล่อง ไม่หวังเงิน” ก็ต้องนับเป็นผู้มีจิตใจสาธารณะควรแก่การยกย่อง !

 

ก่อนยุค Digital Disruption เดิมทีสื่อสิ่งพิมพ์ ที่ต้องเผาแบงก์รายวัน รวมถึงสื่อวิทยุ สื่อโทรทัศน์ที่ต้องทำมาหากินกับการขอสัมปทานคลื่นหน่วยงานรัฐ การจะผลิตสื่อที่มีคุณค่าในมิติเกิดประโยชน์ต่อสังคม ได้ทั้งเงินได้ทั้งกล่องก็เป็นเรื่องยากอยู่แล้ว ส่วนใหญ่เนื้อหาดี จับจิตจับใจคนเสพเนื้อหา สร้างฝันสร้างแรงบันดาลใจ  แต่เอเจนซี่ไม่แพลนโฆษณาให้ จึงไม่ต้องพูดเมื่อมาถึงยุค Digital Disruption  ภูมิทัศน์สื่อที่เปลี่ยนไป ธุรกิจสื่อยุคเก่า พากันล้มระเนระนาดเพราะความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ความคาดหวังของคนทำสื่อเพียงแค่เอาตัวให้รอด ก็ต้องถือเป็นยอดฝีมือ ซึ่งก็ตรงกันข้ามกับความคาดหวังของสังคมอีกก็คือ ยิ่ง Disruption ก็ยิ่งเรียกร้องงานคุณภาพ 

 

การทำสื่อ ที่ถือความสำเร็จจาก “เรตติ้ง” ซึ่งมีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจเป็นตัวชี้วัด กับ “เรตติ้ง” ที่ต้องมี “เรตติ้งคุณภาพสื่อ” (Media Quality Rating) ประกอบด้วย จึงเป็นโจทย์ท้าท้าย ของคนในวงการสื่อมาหลายสิบปี

 
จากงานวิจัยสู่การยกระดับคุณภาพสื่อไทย

ในเวทีสัมมนาและถอดบทเรียน  Media Quality Rating : จากงานวิจัยสู่การยกระดับคุณภาพสื่อไทยในระบบการวัดคุณภาพของสื่อที่นำเสนอต่อสังคม  เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เป็นอีกความพยายามหนึ่งที่จะท้าทายโจทย์ที่กล่าวมาข้างต้น โดยมีการนำเสนอ โครงการวิจัยการพัฒนาต่อยอดและการสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมในระบบการวัดคุณภาพของสื่อที่นำเสนอต่อสังคม ภายใต้การสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ (TMF) เริ่มศึกษาตั้งปีพ.ศ.2563 และต่อยอดการศึกษา ในปี พ.ศ.2565 

 

 

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชนัญสรา อรนพ ณ อยุธยา กับคณะผู้วิจัย

ซึ่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชนัญสรา อรนพ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการหลักสูตรปริญญาโท คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เป็นหัวหน้าทีมวิจัย ศึกษาวิจัยกลุ่มตัวอย่างเป็น รายการข่าวและรายการเด็ก 3 – 4 รายการ โดยเก็บข้อมูลจากผู้ประเมินจำนวน 480 คน จนได้ตัวชี้วัด ได้เกณฑ์ในการพิจารณาว่า ถ้าทำตาม ดัชนีคุณภาพของรายการ (Quality Index) ร่วมกับ ดัชนีผลกระทบที่สื่อมีต่อสังคม (Impact Index) แล้ว เรตติ้งคุณภาพ หรือ Media Quality Rating (MQR) ของสื่อหรือรายการนั้นๆ จะอยู่ในระดับไหน 


ในเวทีสัมมนาครั้งนี้ ผู้คนในแวดวงสื่อ นักโฆษณา เอเจนซี่ นักวิชาการ เรกูเรเตอร์ ร่วมแสดงความเห็นกันหลากหลาย เพื่อส่งต่อให้ทีมผู้วิจัยนำไปตกผลึกเพื่อผลักดันการกำหนดระดับคุณภาพของสื่อว่า จะสามารถช่วยพัฒนาสื่อไทยทั้งระบบให้เป็นไปจริงได้หรือไม่ 

 
รายการเด็ก – ข่าว ยังต้องพัฒนาเรตติ้งคุณภาพ

ที่น่าสนใจก็คือ ผลการวิจัยที่นำมาระดมความเห็นนั้น เนื้อหารายการกลุ่มตัวอย่างเมื่อเอาตัวชี้วัดในการจัด MQR  มาจับ รายการข่าวและรายการเด็กที่ทีมวิจัยศึกษา ได้คะแนนผ่านครึ่งจากเต็ม 100 ไม่มากนัก กล่าวโดยสรุปก็คือ ถ้าจะทำเนื้อหารายการเพื่อให้ได้เรตติ้งคุณภาพ ผลการวิจัยยังเรียกร้องการพัฒนาคุณภาพของคนทำสื่อกันอยู่อีกไม่น้อย

 

ดร.เกียรติอนันต์ ล้วนแก้ว ผู้อำนวยการคณะทำงานจัดการองค์ความรู้และสื่อสารสาธารณะและอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า จากการสำรวจวิจัยรายการเด็ก 3 รายการ พบว่า ดัชนีคุณภาพของรายการ ทั้ง 3 รายการคะแนนรวม 84 – 87 คะแนนซึ่งอยู่ในระดับดีมาก ขณะที่ดัชนีผลกระทบที่สื่อมีต่อสังคม เช่นพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ด้านการพูด การเลียนแบบในทางไม่เหมาะสม ระดับของการมีสมาธิสั้น ยังอยู่ในระดับ 61-70 คะแนน ดังนั้นเมื่อคำนวณเป็นคะแนน MQR ของสื่อยังอยู่ระหว่าง 51-61 คะแนน 

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศศิธร ยุวโกศล รองผู้อำนวยการ ศูนย์บริการวิชาการ มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ อาจารย์ วิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ กล่าวว่า ในส่วนรายการข่าวมีประเมิน 5 รายการพบว่า ดัชนีคุณภาพของรายการคะแนนรวมอยู่ระหว่าง 77 – 82 คะแนน ขณะที่ดัชนีผลกระทบที่สื่อมีต่อสังคม เช่นเกิดความหวาดระแวงจากการรับชมข่าวอาชญากรรม มีทัศนคติหรือพฤติกรรมเชิงลบที่เกิดจากการได้รับข้อมูลเท็จ ยังอยู่ในระดับ 58 – 62 คะแนน ทำให้เมื่อคำนวณเป็นคะแนน MQR ยังอยู่ระหว่าง 45-51 คะแนน 

 
TMF หวังผลักดัน MQR ใช้จริง

ในส่วนของการระดมความเห็นต่อผลวิจัยที่นำเสนอ มีการจัดเวทีแบ่งกลุ่มย่อย ทำ Work Shop ก่อนสรุปเป็นข้อมูลสะท้อนความเห็นน่าสนใจ อาทิ ตัวชี้วัดรายการเด็กส่วนใหญ่เอื้อให้นักธุรกิจมาพัฒนา ตัวชี้วัดมีจำนวนมากไป ควรแยกความสอดคล้องของผู้ชม  ขณะที่รายการข่าวตัวชี้วัดเนื้อหาควรครบถ้วน การ Educate ของพิธีกรต้องไม่ทำให้ตื่นตระหนกแต่ให้เกิดการตระหนัก ไม่ใส่ความเห็นส่วนตัว เป็นต้น ส่วนความคาดหวังว่า MQR จะมีการนำไปใช้จริงในวงกว้างได้รับการยอมรับจากคนในวงการสื่อหรือไม่ ก็ยังมีความเห็นที่หลากหลาย บางความเห็นฟันธงว่า เป็นความคิดโลกสวยเกินไป ขณะที่บางความเห็นเสนอให้รัฐลงทุนซื้อเวลาไพร์มไทม์ของสื่อแล้วให้เอารายการที่มีคุณภาพไปเผยแพร่ 

 
ดร.ชำนาญ งามมณีอุดม รองผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์

ดร.ชำนาญ งามมณีอุดม รองผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ กล่าวว่า การร่วมกันดำเนินงานครั้งนี้ไม่ใช่แค่การพัฒนาตัวชี้วัดคุณภาพสื่อ แต่จะช่วยกันผลักดันให้ตัวชี้วัดนี้ถูกนำไปใช้ในวงกว้างอย่างไร ไม่ว่าจะเป็น วงการโฆษณา บริษัทและนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมถึงประชาชนทั่วไป เพื่อเสริมสร้างสังคมให้เกิดการเรียนรู้ ดังนั้นจุดนี้แม้จะเป็นจุดเล็ก ๆ ก้าวหนึ่งในขบวนการที่อาจจะค่อนข้างยาวนาน แต่กองทุนสื่อฯ ยืนยันจะร่วมในการผลักดันให้สื่อของไทยเป็นที่ต้องการของผู้ชมผู้ฟัง สามารถช่วยในการรังสรรค์สังคมที่มีการเรียนรู้ สร้างให้เกิดพลเมืองที่มีคุณภาพ สิทธิ หน้าที่ เสรีภาพ ความรับผิดชอบของตัวเองต่อไป 

 

MQR กับการยกระดับสื่อไทย อาจถูกมองได้ว่า เป็นความคิดโลกสวย แต่อีกมุมมองก็ต้องถือเป็นก้าวที่กล้าเดิน