จากงานเสวนาวิชาการและแถลงความร่วมมือเพื่อบูรณาการและเสริมพลังการทำงานของเครือข่ายตรวจสอบข้อเท็จจริง (Thai Fact – Checking Network) ซึ่งจัดขึ้นที่ โรงแรมเอส 31 สุขุมวิท เมื่อวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา นักวิชาการจาก 2 สถาบันการศึกษา ประกอบด้วย สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์หรือนิด้า และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง ได้นำเสนองานวิจัยด้านแผนงานบูรณาการการทำงานของหน่วยงานภาคีเครือข่ายตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ร่วมกับกองทุนสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
รศ.ดร.อัศวิน เนตรโพธิ์แก้ว ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายสื่อสารองค์การ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ได้เล่าให้ฟังถึงวัตถุประสงค์ของแผนงานบรูณาการการทำงานของหน่วยงานภาคีเครือข่ายตรวจสอบข้อเท็จจริง(Fact Checking Network)ว่า มีจุดประสงค์หลัก 2 เหตุผลคือเพื่อบูรณาการการทำงานของหน่วยงานเครือข่ายตรวจสอบข้อเท็จจริงให้สอดคล้อง และร่วมมือกันเพื่อสร้างพลังในการทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงในประเทศไทย และกระตุ้นให้นักวิชาการ นักวิชาชีพ และผู้เชี่ยวชาญในสาขาอาชีพต่างๆ เข้ามาเป็นเครือข่ายเพิ่มมากขึ้น
รศ.ดร.อัศวิน รายงานผลการวิจัยว่าได้ลงพื้นที่ เก็บข้อมูล 5 ภูมิภาค คือภาคเหนือ ภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ และภาคกลาง มีการพูดคุยกับสื่อมวลชน นักวิชาการ สมาคมวิชาชีพ ประชาชน และเครือข่ายภาคี เกือบ 400 คน ปัญหาที่พบหลักๆ คือเรื่องการขายของเกินจริง เรื่องคอลเซ็นเตอร์ และข่าวบิดเบือนที่ออกมาในเชิงการเมือง ซึ่งได้ข้อสรุปว่าต้องมีวิธีการตรวจสอบข้อเท็จจริงแหล่งที่มาก่อน รวมถึงต้องให้ความรู้กับประชาชนให้รู้เท่าทันสื่อควบคู่ไปด้วย รวมถึงอาจบรรจุเป็นหลักสูตรในการสถาบันการศึกษาต่อไปด้วย
ในเชิงนโยบาย รศ.ดร.อัศวิน มองว่า ต้องมีกฎหมายบังคับใช้ เพื่อให้การทำงานง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น ต้องจัดทำระบบฐานข้อมูลให้สามารถใช้งานได้ง่าย โดยเฉพาะการใช้แพลตฟอร์มทางเทคโนโลยี เพื่อให้ทุกคนสามารถช่วยกันตรวจสอบ และรายงานสถานการณ์ข่าวปลอมได้
ทั้งนี้ ทีมงานของนิด้าได้แบ่งแผนการทำงานออกเป็น 3 ระยะ โดยกำหนดแผนบูรณาการใน 4 มิติด้วยกัน คือการพัฒนาบุคลากร การเงิน วัสดุอุปกรณ์ และการบริหารจัดการ
โดยผลการศึกษา ได้ออกแบบแผนการบูรณาการการทำงานของหน่วยงานภาคีตรวจสอบข้อเท็จจริงออกเป็น 3 ระยะคือระยะสั้น ใช้เวลา 1 ปี ระยะกลาง 2-4 ปี และระยะยาว 5 ปีขึ้นไป ผ่านการบูรณาการ 4 ประเด็น ได้แก่
บุคลากร : ในระยะสั้นพยายามให้ความรู้ด้านการตรวจสอบข้อเท็จจริงแก่บุคลากรที่มีอยู่ และขยายไปสู่ระยะกลางในการสร้างบรรณาธิการตรวจสอบและผู้ที่สามารถฝึกอบรมเพื่อไปขยายผล และในระยะยาวนำไปสู่การพัฒนาบุคคลากรในการบริหารจัดการองค์กรตรวจสอบข้อเท็จจริง
การเงิน : ในระยะสั้นมีการระดมแนวทางในการหาทุน ไปสู่ระยะกลางที่จะมีการระดมทุนจากภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับสื่อทั้งในและนอกประเทศ และในระยะยาวจะมีการพัฒนากฎหมายเกี่ยวกับการใช้เงินค่าปรับจากการทำความผิดด้านข้อมูลข่าวสารมาใช้ในการทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริง
วัสดุอุปกรณ์ : ในระยะสั้นจะเป็นการจัดหาเครื่องมือที่จำเป็นในการทำงานตรวจสอบ ระยะกลางเป็นการขยายระบบงานเทคโนโลยีให้มีความเชื่อมต่อกัน และในระยะยาวควรมีการพัฒนาระบบที่จะเป็นฐานข้อมูลกลางทั้งในการตรวจสอบเผยแพร่ข้อมูล และนำเทคโนโลยี AI มาช่วยในการทำงาน
การบริหารจัดการ : ในระยะสั้นควรมีการสร้างเครือข่ายในเชิงพื้นที่และเชิงประเด็น และมีการพัฒนายกระดับความสัมพันธ์ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้นในระยะกลาง และในระยะยาวพยายามสานต่อการทำงานร่วมกันไปจนถึงการผลักดันให้เกิดการยกระดับองค์กรตรวจสอบให้ได้รับการรองรับตามมาตรฐานสากล เช่น IFCN หรือ International Fact-Checking Network เป็นต้น
ขณะเดียวกัน ผศ.ดร.วิชิต อาวัชนากร จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง รายงานผลการศึกษาวิจัยโดยระบุว่า ลาดกระบังมีวัตถุประสงค์หลักในการทำงานวิจัยเพื่อดูแนวโน้มความเป็นได้ในการบูรณาการหน่วยงานและเครือข่ายต่างๆ โดยอาศัยเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสำคัญ ทั้งยังมองว่า กองทุนสื่อฯ ควรเป็นศูนย์กลางในการตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้องค์ความรู้
ในการจัดเก็บข้อมูลมีการจำแนกการจัดเก็บข้อมูลในเชิงปฐมภูมิ โดยมีการพูดคุยกับหน่วยงานตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งเป็นภาคีเครือข่ายของกองทุนสื่อฯ 28 หน่วยงาน พูดคุยกับนักวิชาการ กับสื่อต่างๆ มากกว่า 30 ท่าน
ในเชิงทุติยภูมิ มีการศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้องหลากหลาย เช่นแนวคิดในการตรวจสอบข้อเท็จจริง เทคนิคหรือเทคโนโลยีที่สามารถนำมาใช้ในการตรวจสอบ กระบวนการของการตรวจสอบข้อเท็จจริง และมาตรฐานของหน่วยงานที่ได้รับการรับรอง จาก IFCN
สำหรับปัญหาที่พบในการศึกษาวิจัยครั้งนี้ ผศ.ดร.วิชิต พบว่าการบูรณาการการทำงานและการเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆของหน่วยงานที่ร่วมกันตรวจสอบในปัจจุบันยังมีน้อย ข้อมูลไม่มีการจัดหมวดหมู่ ตลอดจนเงินทุนสนับสนุนก็มีจำนวนน้อยด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ ผศ.ดร.วิชิต ได้ให้ข้อเสนอแนะกับกองทุนสื่อฯ ในเรื่องรูปแบบของการบูรณาการหน่วยงานตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าควรมีนักวิชาการ และสื่อต่างๆ เข้าร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยกองทุนสื่อฯ ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการรับเรื่องแล้วส่งต่อให้ภาคีเครือข่ายดำเนินงานและส่งผลการตรวจสอบกลับมายังกองทุนสื่อฯ เพื่อดำเนินการต่อไป
Cookie | Duration | Description |
---|---|---|
cookielawinfo-checkbox-analytics | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Analytics". |
cookielawinfo-checkbox-functional | 11 months | The cookie is set by GDPR cookie consent to record the user consent for the cookies in the category "Functional". |
cookielawinfo-checkbox-necessary | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookies is used to store the user consent for the cookies in the category "Necessary". |
cookielawinfo-checkbox-others | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Other. |
cookielawinfo-checkbox-performance | 11 months | This cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Performance". |
viewed_cookie_policy | 11 months | The cookie is set by the GDPR Cookie Consent plugin and is used to store whether or not user has consented to the use of cookies. It does not store any personal data. |